เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นโมฆะ หมายความว่าอย่างไร

CREDITSIM

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ยืมที่จำเลยกู้ยืมไปจากโจทก์จำนวน 600,000 บาท โดยจำเลยกู้เงินจากโจทก์ตั้งเดือนเมษายน 2556 จำนวน 300,000 บาท หลังจากนั้นได้กู้เงินอีก ครั้งละ 100,000 บาทหลายครั้ง รวมเป็นต้นเงินทั้งสิ้น 600,000 บาท โดยจำเลยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน ต่อมาวันที่ 3 ตุลาคม 2557 จำเลยทำบันทึกข้อความรับสภาพหนี้ว่าได้กู้ยืมเงินโจทก์ทั้งสิ้นเป็นเงิน 800,000 บาท และสัญญาว่าจะคืนให้โจทก์ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2557 เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 869,333.29 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 800,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

โดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีโจทก์ 7 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 480,900 บาท เป็นการชำระหนี้ดอกเบี้ยเท่านั้นมิใช่เป็นการชำระหนี้เงินต้นด้วย และเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจโดยรู้แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 407 จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ชำระหนี้เงินต้น 480,900 บาทให้แก่โจทก์

จำเลยฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา

หนังสือ อุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยจำเลยได้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือนมาโดยตลอด ดอกเบี้ยที่จำเลยชำระไปดังกล่าวจึงเกิดจากการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 654 ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยย่อมตกเป็นโมฆะ การที่จำเลยยอมชำระดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้แก่โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 411 จำเลยไม่อาจเรียกร้องให้คืนเงินดอกเบี้ยที่ชำระไปได้ แต่โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยดังกล่าว หากแต่ต้องนำดอกเบี้ยที่จำเลยชำระให้แก่โจทก์จำนวน 480,900 บาท ไปหักเงินต้น 600,000 บาท จำเลยคงค้างชำระเงินต้นเพียง 119,100 บาท

หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้เงิน โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ซึ่งตามหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยยอมชำระหนี้เงินกู้ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2557 จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขี้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 119,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 มกรคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ต้องการช่างแอร์ ช่างซ่อมต่างๆ คลิก คิวช่าง นี้เลยจ้า

อ้างถึง คำพิพากษาฎีกา 5056/2562