ผู้กู้ลงชื่อในใบสมัครขอสินเชื่อโดยไม่ระบุจำนวนเงินกู้ นำหลักฐานนี้มาฟ้องร้องคดีได้หรือไม่
- allshoppingbykcyp
- 7 ก.ค. 2564
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 11 ก.ค. 2564
โจทก์เป็นบริษัทให้สินเชื่อกู้เงิน ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินกู้จำนวน 65,739.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 37,606.09 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป สืบเนื่องมาจากจำเลยลงลายมือชื่อในใบสมัครขอสินเชื่อเงินสดจากโจทก์โดยมิได้ระบุจำนวนเงินในใบสมัคร ต่อมาโจทก์อนุมัติวงเงินกู้ให้จำเลย 50,000 บาท และหักค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ 1,500 บาท แล้วโจทก์โอนเงินเข้าบัญชีของจำเลย 48,500 บาท โดยจำเลยตกลงจะชำระเงินคืนโจทก์งวดละ 2,851.83 บาท ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินกู้ตามใบสมัครสินเชื่อเงินสด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 37,606.09 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2546 เป็นต้นไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 24,414.17 บาทแก่โจทก์
จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยลงลายมือชื่อในใบสมัครสินเชื่อจากโจทก์โดยไม่ระบุจำนวนเงินกู้ มีแต่เพียงข้อความว่าขอรับบริการสินเชื่อ และโจทก์ไม่ได้แจ้งเป็นหนังสือถึงจำนวนเงินที่กู้ยืมให้จำเลยทราบ โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยลงลายมือชื่อไว้ในใบสมัครสินเชื่อเงินสดพร้อมสัญญาให้สินเชื่อเงินสดระบุข้อความว่า จำเลยผู้กู้ขอรับสินเชื่อเงินสดจากโจทก์ มีอัตราค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้และดอกเบี้ยตามอัตราที่ผู้ให้กู้กำหนด แม้เอกสารดังกล่าวจะมิได้ระบุจำนวนเงินที่กู้ยืมเงิน แต่มีข้อความว่าจำเลยขอรับวงเงินสินเชื่อเต็มจำนวนตามที่โจทก์จะอนุมัติ ซึ่งต่อมาโจทก์อนุมัติให้จำเลยกู้เงินยืม 50,000 บาท และโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยตามที่จำเลยได้แจ้งไว้ตามเอกสารดังกล่าวและรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของจำเลย โดยจำเลยมิได้โต้แย้งว่าจำเลยมิได้กู้ยืมไปจากโจทก์แต่อย่างใด ดังนี้ เอกสารดังกล่าวเมื่อพิจารณาประกันถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2557
ความคิดเห็น