top of page
ค้นหา

ตัวแทนประกันชีวิต ถือว่าเป็นลูกจ้างบริษัทหรือไม่

  • รูปภาพนักเขียน: allshoppingbykcyp
    allshoppingbykcyp
  • 3 มิ.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 11 ก.ค. 2564

โจทก์เป็นบุคคลธรรมดารับเป็นตัวแทนประกันชีวิตของจำเลยซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตโดยโจทก์ได้ทำสัญญาแต่งตั้งตัวแทนกับจำเลยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2531 โจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากการขายประกันชีวิต เงินบำเหน็จตอบแทน กำหนดจ่ายค่านายหน้าทุกวันที่ 15 ของเดือน ต่อมาในปี 2532 โจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนัวหน้าหน่วย ปี 2535 ได้รับแต่งตั้วให้เป็นหัวหน้าศูนย์การขาย และวันที่ 1 มิถุนายน 2539 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการเขต โดยยังมีหน้าที่ขายประกันชีวิตและควบคุมการทำงานของตัวแทนการขายประกันชีวิตในหน่วยของโจทก์ในระหว่างโจทก์เป็นผู้จัดการเขต ในเดือนกรกฎาคม 2540 โจทก์ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 4,500 บาท จนถึงเดือนมีนาคม 2541 ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดืนอละ 5,700 บาท หลังจากนั้นจำเลยลดตำแหน่งโจทก์ลงเป็นหัวหน้าศูนย์การขาย ซึ่งไม่มีเงินประจำตำแหน่ง โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับผลประโยชน์อื่นดังลูกจ้างทั่วไปของจำเลย ต่อมาวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์พ้นสภาพการเป็นพนักงานและยกเลิกการเป็นตัวแทนประกันชีวิตขงจำเลย โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ย

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาว่า การที่โจทก์ทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิตของจำเลยถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ลูกจ้างคือผู้ซี่งตกลงทำงานให้นายจ้างเพื่อรับค่าจ้างโดยอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาของนายจ้าง หมายความว่า ลูกจ้างต้องทำงานตามที่นายจ้างมอบหมายในเวลาทำงานที่นายจ้างกำหนด และต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมของนายจ้าง หากฝ่าฝืนนายจ้างสามารถลงโทษได้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583

ดังนั้น แม้จะได้ความว่าจำเลยจะจ่ายเงินประจำตำแหน่งให้โจทก์เมื่อได้รับแต่งตั้งจากจำเลยให้เป็นผู้จัดการเขตเมื่อเดือนกรกฎาคม 2539 ถึงเดือนมีนาคม 2541 และจำเลยหักเงินดังกล่าวนำส่งเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมด้วย แต่เมื่อโจทก์สามารถทำงานได้โดยอิสระเพียงเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของงาน คือ มีผู้ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลย โจทก์ก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่านายหน้าคิดเป็นร้อยละของเบี้ยประกัน หากโจทกืไม่มาทำงานไม่สามารถหาผู้ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยได้ก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทน โดยไม่มีกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอน ไม่มีการกำหนดวันหยุดวันลา แสดงว่าโจทก์ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบ หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย ดังนั้น จึงไม่ทำให้นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการจ้างแรงงานหรือเป็นลูกจ้างและนายจ้างกันตามที่โจทก์อุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน



อ้างถึง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2125/2555



 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
ดอกเบี้ยที่คิดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จะนำมาหักเงินต้นได้หรือไม่

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2546 จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์ 50,000 บาท มีกำหนดชำระหนี้ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2556 ...

 
 
 
ออกเช็คแลกเงินสดซึ่งคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา ฟ้องคดีอาญาได้หรือไม่

พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ...

 
 
 

ความคิดเห็น


โพสต์: Blog2_Post

24/538 ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร

  • Facebook

©2021 by Allshopping Proudly created with Wix.com

bottom of page